
เรามารู้จักกับประวัติภาษา JAVAกันเถอะ
Java คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุที่พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิงร่วมกับวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นนั้นจะคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี (Objective-C) จุดเด่นของภาษา Java จะอยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้ จาวาถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยของ บริษัท ซันไมโครซิสเต็ม (Sun Microsystems)พัฒนามาจากโครงการที่ต้องการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายในบ้าน ภาษาจาวาเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายในปี ค.ศ. 1995 ภาษาจาวาเป็นภาษาที่ไม่ขึ้นกับแพลตฟอร์ม (platform independent)JDK 1.0 ประกาศใช้เมื่อปี1996JDK เวอร์ชันปัจจุบันคือ Java 2
วิวัฒนาการของภาษาจาวาจากรุ่นแรกถึงจาวา1.5
1. (ค.ศ. 1996) — ออกครั้งแรกสุด
2. (ค.ศ. 1997) — ปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่ม Inner Class
3. (4 ธันวาคม ค.ศ. 1998) — รหัส Playground ด้านจาวาแพลตฟอร์มได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน API และ JVM (API สำคัญที่เพิ่มมาคือ Java Collections Framework และ Swing; ส่วนใน JVM เพิ่ม JIT Compiler) แต่ตัวภาษาจาวานั้น เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย (เพิ่มคีย์เวิร์ด strictfp) และทั้งหมดถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “จาวา 2″ แต่ระบบเลขรุ่นยังไม่เปลี่ยนแปลง
4. (8 พฤษภาคม ค.ศ. 2000) — รหัส Kestrel แก้ไขเล็กน้อย
5. (13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002) — รหัส Merlin เป็นรุ่นที่ถูกใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน (ขณะที่เขียน ค.ศ. 2005)
6. (29 กันยายน ค.ศ. 2004) — รหัส Tiger (เดิมทีนับเป็น 1.5) เพิ่มคุณสมบัติใหม่ในภาษาจาวา เช่น Annotations ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่านำมาจากภาษาซีชาร์ป ของบริษัทไมโครซอฟท์, Enumerations, Varargs, Enhanced for loop, Autoboxing, และที่สำคัญคือ Generics
ความหมายของภาษาจาวา
ภาษาจาวา (Java Language) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท ซันไมโครซิสเต็มส์ เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP : Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior) ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity) ประจำพฤติกรรม (Behavior)
การโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP = Object-Oriented Programming)
การเขียนโปรแกรมที่ประกอบด้วยกลุ่มของวัตถุ(Objects) แต่ละวัตถุจะจัดเป็นกลุ่มในรูปของคลาส ซึ่งแต่ละคลาสอาจมีคุณสมบัติ การปกป้อง (Encapsulation) การสืบทอด (Inheritance) การพ้องรูป (Polymorphism)
แนวคิดของการโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP Concepts)
1. การปกป้อง (Encapsulation)
– การรวมกลุ่มของข้อมูล และกลุ่มของโปรแกรม เพื่อการปกป้อง และเลือกตอบสนอง
2. การสืบทอด (Inheritance)
– ยอมให้นำไปใช้ หรือเขียนขึ้นมาทดแทนของเดิม
3. การพ้องรูป (Polymorphism) = Many Shapes
– Overloading มีชื่อโปรแกรมเดียวกัน แต่รายการตัวแปร (Parameter List) ต่างกัน
– Overriding มีชื่อโปรแกรม และตัวแปรเหมือนกัน เพื่อเขียน behavior ขึ้นมาใหม่
จุดเด่นของภาษาจาวา
– ความง่าย (simple)
– ภาษาเชิงออปเจ็ค (object oriented)
– การกระจาย (distributed)
– การป้องกันการผิดพลาด (robust)
– ความปลอดภัย (secure)
– สถาปัตยกรรมกลาง (architecture neutral)
– เคลื่อนย้ายง่าย (portable)
– อินเตอร์พ์พรีต (interpreted)
– ประสิทธิภาพสูง (high performance)
– มัลติเธรด (multithreaded)
– พลวัต (dynamic)
ภาษาจาวามีข้อดีอย่างไร?
ภาษาจาวาสามารถ ทำงานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ โดยอาศัยตัวกลาง
n ทำงานบนเว็บเบราเซอร์ได้
n ความปลอดภัยสูง
n สนับสนุนงานหลายระดับ
n สามารถทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
n ภาษาจาวาเป็นภาษาเชิงวัตถุ
n ความทันสมัย
n ความเรียบง่าย
n กลไกในการคืนพื้นที่ในหน่วยความจำอัตโนมัติ (garbage collection)
n มีคลาสและอินเตอร์เฟซให้ใช้เยอะมาก
n 794 interfaces
n 2485 classes
n ฟรี
ภาษาจาวามีข้อเสียอย่างไร?
ข้อเสียของภาษาจาวา คือช้า ดังนั้น ท่านจะสังเกตเห็นการใช้ภาษา java เป็น ภาษาที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในการเขียนเว็บ มันอาจจะยากสำหรับใคร แต่มันคงไม่ยากเกินความตั้งใจของทุก ๆ คน